%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%ab%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b9%83%e0%b8%88%e0%b8%95%e0%b8%b5%e0%b8%9a-%e0%b8%a0%e0%b8%b1
[vc_row full_width="stretch_row_content"][vc_column][vc_column_text]
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
เกิดจากไขมันและพังผืดสะสมในผนังของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดมีการตีบแคบลง ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ไม่เพียงพอจนเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งก่อให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก ในขณะที่การอุดตันของหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลันเกิดจากคราบไขมันที่สะสมอยู่ที่ผนังของหลอดเลือดชั้นในแตกออก และกลายเป็นลิ่มเลือดลอยไปอุดหลอดเลือดหัวใจ ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันภาวะเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
|
อาการบ่งชี้โรคหลอดเลือดหัวใจ
|
หากมีอาการต้องสงสัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบควรทำอย่างไร
ปรึกษาแพทย์ เพื่อซักประวัติ ตรวจร่างกาย และพิจารณาเลือกการตรวจพิเศษให้เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละบุคคล เช่น- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiogram)
- การถ่ายภาพรังสีของทรวงอก (chest X-ray)
- การตรวจระดับเอนไซม์กล้ามเนื้อหัวใจในเลือด (cardiac biomarker)
- การทดสอบสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (exercise stress test)
- การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (echocardiogram)
- การตรวจวินิจฉัยโรคของหลอดเลือดหัวใจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (computed tomographic angiography)
- การสวนหัวใจหรือการฉีดสีดูหลอดเลือดหัวใจ (cardiac catheterization or coronary angiogram)
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 11/04/2022






