โควิดยังไม่จบ! จับตาโอมิครอนน้องใหม่ BA.4-BA.5

BA.4 และ BA.5 สายพันธุ์ย่อยชนิดใหม่ของเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว การกลายพันธุ์อาจก่อความเสี่ยงหลบภูมิคุ้มกัน ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ในประเทศแถบยุโรปเกือบทั้งหมด และพบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยแล้ว 181 คน BA.4 และ BA.5 จะมีความน่ากังวลแค่ไหน เรามีข้อมูลมาบอกค่ะ BA.4 และ BA.5 เชื้อสายพันธุ์ย่อยชนิดใหม่ของเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอน ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระบุว่า เชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยทั้งสองชนิดตรวจพบได้ครั้งแรกในประเทศแอฟริกาใต้เมื่อช่วงต้นปีนี้นั้น ดูเหมือนว่าเชื้อทั้งสองชนิดจะแพร่ระบาดเร็วกว่าโควิดสายพันธุ์อื่นๆ และอาจกลายเป็นโควิดสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐฯ และยุโรปเร็ว ๆ นี้ ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้ BA.4 และ BA.5 อยู่ในกลุ่มเชื้อที่ต้องเฝ้าระวังเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และยังถูกจัดให้เป็นเชื้อสายพันธุ์ที่น่ากังวลในยุโรปด้วย จากผลการทดลองในสัตว์ทดลองเบื้องต้นบ่งชี้ว่า "โอมิครอน" สายพันธุ์ย่อย BA.4-BA.5 สามารถเพิ่มจำนวนได้ดีในเซลล์ปอด อาจจะก่อให้เกิดการติดเชื้อปอดอักเสบขึ้นได้ในมนุษย์ ซึ่งต่างไปจากโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม BA.1-BA.2 ซึ่งเพิ่มจำนวนได้ดีในเซลล์ของเยื่อบุระบบทางเดินหายใจส่วนบน ไม่ลงมาแพร่ติดต่อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น ที่ปอด ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล กล่าวว่า ฐานข้อมูลโควิดโลก (GISAID) เผยว่าสายพันธุ์ย่อย BA.5 มีการกลายพันธุ์จากสายพันธุ์ดั้งเดิมมากที่สุดก่อให้เกิดความสุ่มเสี่ยงที่จะหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันและอาจจะแพร่ระบาดไปทั่วโลกได้ในอนาคต และจากฐานข้อมูล (รหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม) โควิดโลก "GISAID" ระบุว่าประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อ "โอมิครอน" สายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5 ไปแล้วจำนวน 181 ราย และ BA.2.12.1 จำนวน 18 ราย การคงระดับภูมิคุ้มกันไว้สูง จะช่วยป้องกันได้ระดับหนึ่ง คงต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดกันต่อไป เชื่อกันว่า เชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยทั้งสองชนิดไม่ได้มีอันตรายมากกว่าโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ แต่ดูเหมือนว่า BA.4 และ BA.5 จะสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น อาจเป็นเพราะภูมิคุ้มกันในร่างกายเริ่มลดลง หรืออาจเป็นเพราะเชื้อไวรัสเกิดการกลายพันธุ์ ผู้มีโรคประจำตัวร้ายแรง คือกลุ่มเสี่ยงที่สุดที่จะล้มป่วยหนักจากการติดเชื้อ BA.4 และ BA.5ได้ อีกทั้งยังทำให้คนที่เพิ่งติดเชื้อโอมิครอนชนิดอื่นติดเชื้อซ้ำได้อีก อย่างไรก็ตามการป้องกันดูแลตนเองก็ยังควรสวมหน้ากากอนามัย เมื่อเข้าไปอยู่ในที่มีคนแออัด หรือชุมชน มีความใกล้ชิด รวมถึงมาตรการวัคซีนที่ยังคงต้องได้รับตามเกณฑ์ที่กำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2265 7777